ภาครัฐ จ่อเก็บภาษี บิ๊กไบค์ ในปีหน้า ซึ่งได้เปลี่ยนจากเดิม ที่คิดภาษีตามขนาดของเครื่องยนต์ (ซีซี) เปลี่ยนเป็นการคิดภาษีตามค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยให้เหตุผลว่าต้องการส่งเสริมให้ผู้ผลิตยานยนต์ ได้ผลิตยานยนต์ที่เป็นมิตรกับอากาศมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (พีเอ็ม 2.5) ที่ปลกคุมอยู่ในหลายๆ จังหหวัดของประเทศไทย
และการจัดเก็บภาษีนั้น ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงจากที่เก็บภาษีตามขนาดเครื่องยนต์ในช่วง 2.5-9% เปลี่ยนเป็นเก็บภาษีตามขนาดของการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ซึ่งเพิ่มเป็น 3-18% ซึ่งส่งผลให้รถขนาดใหญ่ หรือ รถบิ๊กไบก์ที่มีการเผาผลานน้ำมันและปล่อยมลพิษมากก็อาจถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งต่างจากรถขนาดเล็กที่อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
อัตราภาษีใหม่เก็บสูงสุด 18 % นั่นหมายความว่าจะมีต้นทุนเพิ่มอีก 9% เทียบง่ายๆก็คือ ถ้ารถบิ๊กไบก์คันละ 1 ล้านบาท ราคาอาจสูงขึ้นจากเดิมอีก 9 หมื่นบาทแต่ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซต์ขนาดเล็กทั่วไป คันละ 50,000 บาท ก็อาจเพิ่มขึ้นเพียงคันละ 250 บาท เท่านั่น แต่ว่าถ้าผู้ผลิตมีการใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ปล่อยก๊าซพิษลดน้อยลงก็จะได้ประโยชน์จากภาษีครั้งนี้ แต่ทั้งนี้ ทางภาครัฐ ก็ยังมีเวลา ให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ รวมไปถึงผู้ที่นำเข้า ได้ปรับตัวจนถึง ปี 63 กันเลย
ในส่วนของการเก็บภาษีรถจักรยานยนต์แบบใหม่นี้ คาดว่าจะแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
- รถที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 50 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษี 3%
- รถที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 50-100 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษี 5%
- รถที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 100-130 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษี 9%
- รถที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 130 กรัมต่อกิโลเมตรขึ้นไป เสีย 18%
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : khaosod
เรียบเรียงโดย : bigbikeinfo.com
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับบิ๊กไบค์ได้ที่ : facebook.com/infobigbike/